by coffeekub

CoffeeKub | สาระกาแฟครบวงจร

กาแฟ คืออะไร ?

กาแฟ คือ เครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดกาแฟที่ถูกบดและชงด้วยน้ำร้อน โดยปกติแล้วกาแฟมักมีรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม และมักจะมีกลิ่นหอมหวานที่มาจากเมล็ดกาแฟ กาแฟมีคาเฟอีน (Cafeine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้คนรู้สึกกระตือรือร้นและรู้สึกสดชื่น เมล็ดกาแฟจึงมักถูกนำมาเพื่อทำเป็นเครื่องดื่ม และมีหลายวิธีที่เลยทีเดียว ที่เราจะสามารถทำเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟได้ เช่น กาแฟดริป (Drip Coffee), เอสปรีสโซ (Espresso), คาปูชีโน (Cappuccino), ลาเต้ (Latte), อเมริกาโน่ (Americano) และอื่น ๆ อีกหลายเมนู ซึ่งมีความหลากหลายในรสชาติ และวิธีการทำ ให้ได้เลือกตามความชอบของตนเองได้

กาแฟนั้นเริ่มมีการแพร่หลายไปยังโลกตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยพ่อค้าชาวอิตาลีได้นำกาแฟเข้ามาเผยแพร่ในยุโรป และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และยาวนานจนถึงในปัจจุบัน และกาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยมีผู้คนดื่มกาแฟมากกว่า 2 พันล้านแก้วต่อวัน

"กาแฟ" เป็นมากกว่าเครื่องดื่ม แต่เป็น "วิถีชีวิต"
"กาแฟ" ก็เหมือนคนรักที่สมบูรณ์แบบ เพราะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ และทำให้คุณรู้สึกดีเสมอ
"กาแฟ" เป็นภาษาในตัวของมันเอง
"กาแฟ" คือ ข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบในการพบปะกับเพื่อน
Previous slide
Next slide

ความแตกต่างของระดับ "การคั่วกาแฟ"

BAND COFFEE

1. คั่วอ่อน Light Roast

เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน (Light Roast หรือที่เรียกว่า Cinnamon Roast หรือ American Roast) เป็นการคั่วระดับอ่อน ให้กาแฟเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือเหลืองซีดคล้ายซินนามอน โดยจะไม่มีความมันที่ผิวเมล็ด ซึ่งจะใช้อุณหภูมิความร้อนที่ประมาณ 350 ºF (176.7 ºC) เป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที และการคั่วในระดับนี้ จะยังคงรสของของเมล็ดกาแฟดั้งเดิมเอาไว้ได้มากที่สุด ยังให้ความรู้สึกของสมุนไพร ผลไม้ พืชเขียว และยังมีความเป็นกรดอยู่มาก จึงทำให้ออกรสที่ออกมามีรสชาติอมเปรี้ยว

BAND COFFEE

2. คั่วกลาง Medium Roast

      เมล็ดกาแฟคั่วกลาง (Medium Roast) สามารถแบ่งย่อยออกเป็น High, City+ Roast, Full City Roast และ Full City+ Roast เป็นกาแฟที่มีความเข้มปานกลาง เมล็ดกาแฟเป็นสีน้ำตาล และมีความมันจากน้ำมันในเมล็ดเคลือบ รสชาติเข้มขึ้นและกลมกล่อม ความ เปรี้ยวลดลง ซึ่งจะใช้การคั่วที่อุณหภูมิ  400 – 430 ºF (204.4-221.1 ºC) เป็นเวลาประมาณ 15 – 20 นาที โดยคนอเมริกันส่วนใหญ่ มักจะชอบกาแฟที่คั่วในระดับนี้มากที่สุด และจะถูกนำไปชงแบบหม้อต้ม หรือใช้เครื่องแบบกด (French Press) เป็นส่วนใหญ่

BAND COFFEE

3. คั่วเข้ม Dark Roast

เมล็ดกาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast หรือที่เรียกว่า Vienna Roast, French Roast, Italian Roast) โดยจะมีรสชาติกาแฟที่เข้มข้น เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับนี้จะมีสีเข้มมาก ตัวเมล็ดจะมันวาวเหมือนมีน้ำมันมาเคลือบ จนบางคนเข้าใจว่าต้องใส่น้ำมัน หรือเนยในขณะคั่วจึงจะให้รสเข้มข้น และมีเมล็ดสีน้ำตาล เกือบไหม้แต่ไม่ถึงกับดำ ซึ่งจะใช้การคั่วที่อุณหภูมิ 450 ºF (232.2 ºC) ระยะเวลาประมาณ 15 – 20 นาที โดยจะไม่มีรสเปรี้ยวแล้ว เพราะความเป็นกรดถูกความร้อนทำลายไปจนหมด การคั่วถึงระดับนี้ จะทำให้รสชาติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟแทบไม่หลงเหลืออยู่ แต่จะทดแทนด้วยความหนักแน่นของกลิ่นกาแฟรุนแรง โดยกาแฟที่คั่วในระดับนี้ มักจะถูกนำไปชงเป็นช็อต Espresso

Perfect shot
ตัวอย่างภาพ Perfect Shot

Perfect Shot คืออะไร ?

Perfect Shot (เพอร์เฟคช็อต) หมายถึง “ช็อตกาแฟ” ที่สกัดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านของรสชาติ และลักษณะของกาแฟที่ออกมา โดยในยุคปัจจุบัน “เพอร์เฟคช็อต” จะเน้นไปที่รสชาติเป็นหลัก มากกว่าที่จะยึดติดกับระยะเวลา และปริมาณในการสกัดกาแฟ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความละเอียดของกาแฟ ปริมาณกาแฟ และอุณหภูมิของน้ำ

สรุปแล้ว "เพอร์เฟคช็อต" คือช็อตกาแฟที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:

  • กาแฟมีรสชาติที่มีรสชาติดี เข้มข้น กลมกล่อม และไม่ขมหรือเปรี้ยวจนเกินไป
  • กาแฟที่มีสีน้ำตาลเข้ม มีครีม่าหนา และฟองอากาศขนาดเล็ก

สำหรับ ระยะเวลา และ ปริมาณในการสกัดกาแฟ เป็นเพียงตัวเลขที่ใช้อ้างอิงเท่านั้น บาริสต้าควรปรับแต่งให้เหมาะสมกับกาแฟแต่ละชนิดเพื่อให้ได้ “เพอร์เฟคช็อต” ที่อร่อยที่สุด

โดยตัวอย่างที่ยกมา คือ กาแฟคั่วอ่อน จึงอาจใช้เวลาในการสกัดนานกว่ากาแฟคั่วเข้ม เนื่องจากกาแฟคั่วอ่อนมีปริมาณน้ำมันน้อยกว่า จึงทำให้การสกัดใช้เวลานานกว่าจึงจะได้รสชาติที่เข้มข้น

ดังนั้น บาริสต้าควรหมั่นฝึกฝนการชงกาแฟ เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการสกัดกาแฟแต่ละชนิด เพื่อให้ได้เพอร์เฟคช็อตที่อร่อยที่สุด

กาแฟสายพันธ์โรบัสตา (Robusta)

โรบัสตา (Robusta) คือ สายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยม รองลงมาจาก สายพันธุ์อาราบิก้า (Arabica) โดยจะมีลักษณะของเมล็ดที่อวบอ้วน และส่วนผ่าตรงกลางนั้นจะเป็นเส้นตรง โรบัสตาจะปลูกในพื้นที่ต่ำ โดยให้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 500 – 600 เมตรเท่านั้น เพราะพันธุ์นี้ หากจะปลูกให้ได้คุณภาพที่ดีต้องปลูกในพื้นที่อากาศชุ่มชื้น จึงจะพบว่านิยมปลูกในจังหวัดแถบภาคใต้ เช่น ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี เป็นต้น

สายพันธ์กาแฟโรบัสตา (Robusta)

สายพันธ์กาแฟโรบัสตา แบ่งออกเป็นสายพันธุ์ย่อย ๆ ดังต่อไปนี้:

  • สายพันธุ์ Bourbon : เป็นสายพันธุ์กาแฟโรบัสตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีลักษณะของเมล็ดที่ค่อนข้างกลม รสชาติเข้มข้น ขม และมีความมัน
  • สายพันธุ์ Conilon : เป็นสายพันธุ์กาแฟโรบัสตาที่มีลักษณะคล้ายกับสายพันธุ์ Bourbon แต่มีรสชาติที่เข้มข้นกว่า ขมกว่า และมีความมันน้อยกว่า
  • สายพันธุ์ Catimor : เป็นสายพันธุ์กาแฟโรบัสตาที่เกิดจากการผสมระหว่างสายพันธุ์ Coffea Canephora และ Coffea Arabica มีลักษณะของเมล็ดที่ค่อนข้างใหญ่ รสชาติเข้มข้น ขม และมีความมัน
  • สายพันธุ์ Mundo Novo : เป็นสายพันธุ์กาแฟโรบัสตาที่เกิดจากการผสมระหว่าง
  • สายพันธุ์ Coffea Canephora และ Coffea Arabica มีลักษณะของเมล็ดที่ค่อนข้างใหญ่ รสชาติเข้มข้น ขม และมีความมัน
  • สายพันธุ์ Liberica : เป็นสายพันธุ์กาแฟโรบัสตาที่มีลักษณะคล้ายกับสายพันธุ์ Coffea Canephora แต่มีรสชาติที่เข้มข้นกว่า ขมกว่า และมีความมันน้อยกว่า

นอกจากนี้ ยังมีสายพันธุ์กาแฟโรบัสตาอื่นๆ อีกมากมาย เช่น สายพันธุ์ Maragogype, สายพันธุ์ Icatu, สายพันธุ์ Typica, สายพันธุ์ Caturra เป็นต้น 

กาแฟสายพันธ์โรบัสตา มีลักษณะเด่นอย่างไร ?

  • เมล็ดกาแฟมีขนาดใหญ่กว่า เมล็ดกาแฟอาราบิก้า
  • รสชาติเข้มข้น ขม และมีความมันมากกว่า
  • มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า เมล็ดกาแฟอาราบิก้า
  • ทนต่อโรคและแมลงมากกว่า เมล็ดกาแฟอาราบิก้า

กาแฟสายพันธ์โรบัสตา มีประโยชน์อย่างไร ?

  • ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว
  • ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
  • ช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคหัวใจ
  • ช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น
คำเตือน: ไม่ควรดื่มกาแฟโรบัสตามากเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น นอนไม่หลับ ใจสั่น

สูตรกาแฟอเมริกาโน่เย็น (Iced Americano)

“กาแฟอเมริกาโนเย็น” เป็น “กาแฟดำ” ประเภทหนึ่ง ที่ให้รสชาติเป็นธรรมชาติของกาแฟสดได้เป็นอย่างดี และเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก ซึ่งอเมริกาโน่มีวิธีการทำที่ง่ายดาย โดยมีส่วนผสมเพียงแค่น้ำเย็น และช็อตเอสเพรสโซที่ใช้เป็นเบสเท่านั้น โดยเครื่องดื่มประเภทนี้ จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับรสชาติของกาแฟอย่างเต็มที่ และยังได้ความสดชื่นไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิเช่น บรรเทาอาการปวดศีรษะ, ช่วยชะลอวัย, ลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งและหัวใจ, ช่วยควบคุมน้ำหนัก และประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย 

americano
  • ช็อตเอสเพรสโซ่                            60 ML
  • น้ำเย็น                                          120 ML
  • น้ำแข็ง                                          เต็มแก้ว
  • น้ำเชื่อม                                     10-20 ML

ขั้นตอนการทำ

  1. สกัดกาแฟ Espresso Double Shot จากเครื่องชงกาแฟ แล้วพักไว้
  2. ใส่น้ำแข็งให้เต็มแก้ว แล้วเทน้ำเปล่าใส่ลงไป
  3. นำ Espresso ช็อต ที่เตรียมไว้ใส่ลงไป
  4. เติมน้ำเชื่อมตามความหวานที่ต้องการ (แนะนำที่ 10-20 ML)
  5. ใช้ช้อนคนเป็นวงรอบแก้วให้ความเย็นได้ที่ และส่วนผสมเข้ากัน