เทคนิคการปลูกและการดูแลต้นกาแฟ
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับการปลูกและดูการแลต้นกาแฟ กาแฟเป็นพืชยืนต้น สูงประมาณ 4-6 เมตร ชอบอากาศเย็นชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมในการปลูกอยู่ที่ 18-25 องศาเซลเซียส ต้องการแสงแดดประมาณ 60-70% และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,200-1,500 มิลลิเมตรต่อปี
1. การเตรียมการก่อนปลูก
1.1 การเตรียมดิน
- กำจัดตอพืช ถางวัชพืช และปรับพื้นที่ โดยไม่ต้องโค่นไม้ใหญ่
- พื้นที่ลาดเอียง ให้ทำแนวขั้นบันไดขวางแนวลาดเอียง ระยะห่างของขั้นบันไดเท่ากับ
ระยะระหว่างแถว
1.2 การเตรียมพันธุ์
- พันธุ์ควรมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ กาแฟโรบัสต้าพันธุ์แนะนำตาม กรมวิชาการเกษตร
ได้แก่ พันธุ์ชุมพร 1 / พันธุ์ชุมพร 2 /พันธุ์ชุมพร 3 / พันธุ์ชุมพร 84 – 4 และพันธุ์ชุมพร 84 – 5 ส่วนกาแฟอาราบิก้าพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ พันธุ์เชียงใหม่ 80 โดยพิจารณาจาก ต้นแข็งแรง ต้านทานโรค ให้ผลผลิตสูง (กิ่งให้ผลมีจำนวนมาก ข้อถี่จำนวนข้อมาก จำนวนผลต่อข้อสูง) ให้ผลผลิตเร็ว ขนาดเมล็ดใหญ่ กลิ่นและรสชาติดี - ต้นกล้าอายุที่เหมาะสม กาแฟอาราบิก้าควรมีอายุ8 – 12 เดือน ส่วนกาแฟโรบัสต้า
ควรใช้ต้นกล้า อายุ6–14เดือน มีใบจริง4–5 คู่ ความสูงอย่างน้อย 20เซนติเมตรชำในถุงพลาสติก
2. การปลูก
2.1 วิธีปลูก
- ปลูกช่วงต้นฝน วางกล้ากาแฟลงในหลุมปลูก ให้โคนต้นเสมอปากหลุม แล้วกลบดิน
สำหรับกาแฟโรบัสต้าเป็นพืชผสมข้าม ควรปลูกอย่างน้อย 3 สายพันธุ์โดยปลูกสลับแถว - ป้องกันการโยกของต้นกาแฟ โดยปักไม้ทำมุม 45 องศา กับพื้นดิน ปลายไม้ผูกติดกับต้นกาแฟ
- คลุมรอบโคนต้นกาแฟด้วยหญ้าแห้ง หรือวัสดุอื่น ให้ห่างจากโคนอย่างน้อย 10เซนติเมตร
2.2 การเตรียมดิน
- ทำหลุมขนาด 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยดินผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
ที่ย่อยสลายดีแล้ว อัตรา 3 – 5 กิโลกรัม และหินฟอสเฟต อัตรา 100 – 200 กรัมต่อหลุม
2.3 ระยะปลูก
- กาแฟโรบัสต้า ใช้ระยะ 3 x 4 – 3 x 4 เมตร กาแฟอาราบิก้าใช้ระยะ 2 x 2 เมตร
2.4 จำนวนต้นต่อไร่
- กาแฟโรบัสต้า 100 – 180 ต้นต่อไร่
- กาแฟอาราบิก้า 400 ต้นต่อไร
3. การดูแลต้นกาแฟและรักษาต้นกาแฟ
3.1 การใส่ปุ๋ย
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีปีที่ 1 – 2 ใส่ปุ๋ยอินทรีย์1- 2 กิโลกรัมต่อต้น ปีที่ 3
เป็นต้นไป ใส่ 3 – 5 กิโลกรัมต่อต้น - ปุ๋ยเคมีควรใส่เมื่อดินชื้น ควรให้ปริมาณน้อย แต่บ่อยครั้ง ปีที่ 1 และ 2 ใส่ปุ๋ย15-15-15 ผสมสูตร 46-0-0 อัตรา 150 และ 50 กรัมต่อต้นต่อปีตั้งแต่ปีที่ 3 ใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-17 หรือ 13-13-21 อัตรา 600 กรัมต่อต้นต่อปีหลังเก็บเกี่ยวและตัดแต่ง ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0
อัตรา 100 กรัมต่อต้นต่อปี
3.2 การให้น้ำ
- กาแฟปลูกใหม่ หรือช่วงเริ่มติดผล 3 เดือนแรก หากไม่มีฝนตก ต้องให้น้ำช่วย
3.3 การควบคุมทรงพุ่ม
- ตัดยอดกาแฟให้เหลือความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร เลือกกิ่งหลักที่แข็งแรง 1 กิ่ง
(กรณีควบคุมทรงพุ่มเป็นลำต้นเดียว) หรือ 3 – 5 กิ่ง (กรณีควบคุมทรงพุ่มเป็นหลายลำต้น)
หมั่นตัดกิ่งแขนงหรือกิ่งที่ไร้ประโยชน์ออก
4. การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
การดูแลต้นกาแฟ ศัตรูพืชคือปัจจัยหลักในหารดูแลต้นกาแฟ โดยเราจะมาแนะนำสาเหตุของโรค และวิธีการป้องกันรวมไปถึง การใช้ยาและอัตราส่วนผสม โดยเราจะยกตัวอย่างโรคที่เกี่ยวข้องกับกาแฟมาที่พบบ่อยในสวนกาแฟ จะมีโรคอะไรบ้าง สามารถดูข้อความข้างล่างได้เลยคับ
4.1 โรคแอนแทรคโนส
- สาเหตุเกิดจากเชื้อรา ลักษณะอาการ แผลเป็นจุดสีน้ำตาล เนื้อเยื่อกลางแผลตาย
จุดแผลแต่ละจุดเชื่อมต่อกันเป็นแผลใหญ่ ทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วง ตาดอกเหี่ยว
กิ่งเหี่ยวแห้ง ผลกาแฟหยุดการเจริญเติบโต และเปลี่ยนเป็นสีดำ ผลยังคงติดอยู่บนกิ่ง ระบาดรุนแรง
ในสภาพอากาศแห้งแล้ง - ป้องกันกำจัด โดยการรักษาระดับร่มเงาให้เหมาะสม คลุมโคนต้นเพื่อรักษาความชื้นในดิน
ตัดแต่งกิ่ง ใบ และผลที่เป็นโรคเผาทำลายนอกแปลง บำรุงต้นกาแฟให้แข็งแรง หากระบาดรุนแรง- ใช้แมนโคเซบ (80% W.P.) อัตรา 48 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5 – 7 วัน หรือใช้คอปเปอร์
ออกซีคลอไรด์(62% W.P.) อัตรา 80 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
- ใช้แมนโคเซบ (80% W.P.) อัตรา 48 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5 – 7 วัน หรือใช้คอปเปอร์
4.2 โรคราสนิม
- สาเหตุเกิดจากเชื้อรา ลักษณะอาการใบเป็นจุดสีเหลืองเล็กๆ และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
สีของแผลจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นผงสีส้ม ใบร่วง ต้นโกร๋น กิ่งแห้งในเวลาต่อมา มักเกิดกับกาแฟอาราบิก้า - ป้องกันกำจัด โดย ใช้พันธุ์กาแฟที่ต้านทานโรคราสนิม ได้แก่ พันธุ์คาติมอร์หากระบาด
รุนแรง- ใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น บอร์โดซ์มิกซ์เจอร์0.5% คูปราวิท 85% W.P.อัตรา 50 กรัม
ต่อน้ำ20 ลิตร
- ใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น บอร์โดซ์มิกซ์เจอร์0.5% คูปราวิท 85% W.P.อัตรา 50 กรัม
4.3 มอดเจาะผลกาแฟ
- ลักษณะและการทำลาย เป็นแมลงปีกแข็งสีดำ ขนาด 1 มิลลิเมตร วางไข่ ขยายพันธุ์
และกัดกินอยู่ในผลกาแฟ และอาศัยอยู่ในผลกาแฟสุกจนแห้งดำที่ติดค้างบนกิ่งและผลที่หล่นใต้ต้น - ป้องกันกำจัด โดย เก็บผลกาแฟสุกหรือแห้งติดค้างบนกิ่ง หรือร่วงหล่นใต้ทรงพุ่ม
นำไปเผาทำลายนอกแปลง ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง หากระบาดรุนแรง- ใช้คลอร์ไพริฟอส (40% E.C.) อัตรา
35 มิลลิลิตรต่อน้ำ20 ลิตร พ่นทุก 15 วัน หรือไตรอะโซฟอส (40% E.C.) อัตรา 40 มิลลิลิตร
ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 15 วัน
- ใช้คลอร์ไพริฟอส (40% E.C.) อัตรา
4.4 หนอนกาแฟสีแดง
- ลักษณะและการทำลาย ตัวหนอนสีน้ำตาลแดง เจาะกินเนื้อเยื่อที่กิ่งและลำต้น ทำให้
กิ่งหัก ยอดแห้ง - ป้องกันกำจัด โดยตรวจต้นและกิ่งกาแฟอย่างสม่ำเสมอ หากพบรอยหนอนเจาะทำลาย
ให้ตัดนำกิ่งไปเผานอกแปลง รักษาบริเวณสวนให้สะอาด หลีกเลี่ยงการปลูกพืชอาศัย เช่น ชมพู่
ลิ้นจี่ชบา ฯลฯ หากระบาดรุนแรง- ใช้คลอร์ไพริฟอส (40% E.C.) อัตรา 35 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
พ่นทุก 15 วัน
- ใช้คลอร์ไพริฟอส (40% E.C.) อัตรา 35 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
5. การปฏิบัติก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว
5.1 การเก็บเกี่ยว เก็บเมื่อผลกาแฟมีสีส้ม ส้มแดง หรือสีเหลือง ขึ้นกับพันธุ์ทยอยเก็บเกี่ยว
ประมาณ 2 – 4 ครั้ง
5.2 การคัดเลือกผลกาแฟ เทผลกาแฟในภาชนะบรรจุน้ำสะอาด คัดผลที่ลอยน้ำทิ้ง เพราะ
เป็นผลไม่สมบูรณ์
5.3 การทำสารกาแฟ มี2 วิธีดังนี้
- การสีเปียก มี4 ขั้นตอน ได้แก่ การปอกเปลือก การกำจัดเมือก การตากกาแฟกะลา
การสีกาแฟกะลา - การสีแห้ง มี2 ขั้นตอน ได้แก่ การตากผลกาแฟ และการสีผลกาแฟ
5.4 การเก็บรักษา ความชื้นเมล็ดกาแฟโรบัสต้า ไม่เกิน 13% กาแฟอาราบิก้าไม่เกิน 12.5%
บรรจุในภาชนะป่าน สะอาด ใหม่ ปราศจากกลิ่น
การปลูกและการดูแลต้นกาแฟให้ได้ผลดีนั้น ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
- การเลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม
- การเตรียมดินที่ดี
- การปลูกต้นกล้าที่มีคุณภาพ
- การให้น้ำและปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ
- การตัดแต่งกิ่งอย่างเหมาะสม
- การป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช