การทำงานของเครื่องชงกาแฟ มีการทำงานอย่างไร ?

เครื่องชงกาแฟ Dual Boiler มีการทำงานอย่างไร ?

สารบัญ

การทำงานของเครื่องชงกาแฟ

หลักการทำงานของเครื่องชงกาแฟเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชงกาแฟโดยใช้แรงดันน้ำร้อนผ่านกาแฟบด ทำให้เกิดรสชาติเข้มข้นและมีชั้นครีม (Crema) ลอยอยู่ด้านบน การทำงานของเครื่องชงกาแฟมี ดังนี้

  1. ถังพักน้ำ (Water Tank) เป็นส่วนที่เก็บน้ำไว้สำหรับชงกาแฟ น้ำในถังพักน้ำจะต้องสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรก
  2. ปั๊มน้ำ (Pump) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่สร้างแรงดันน้ำร้อนให้ไหลผ่านกาแฟบด ปั๊มน้ำของเครื่องชงกาแฟส่วนใหญ่จะเป็นปั๊มไฟฟ้า
  3. ตัวทำความร้อน (Heater) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ทำให้น้ำร้อนขึ้น ตัวทำความร้อนของเครื่องชงกาแฟในปัจจุบันมี 2 แบบ ได้แก่
    • Thermoblock เป็นขดลวดทำความร้อนที่ทำหน้าที่ทำให้น้ำร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กราคาประหยัด
    • Heat Exchange เป็นหม้อต้มน้ำที่มีคอยล์ทำความร้อนอยู่ภายใน เหมาะสำหรับเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ราคาแพง
  4. หัวชง (Group Head) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ฉีดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด หัวชงของเครื่องชงกาแฟส่วนใหญ่จะมีก้านก้านเดียว (Single Group Head) แต่บางรุ่นอาจมีก้านหลายก้าน (Multi Group Head) เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่ต้องการชงกาแฟได้หลายแก้วพร้อมกัน
  5. หัวสตีม (Steam Wand) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ทำไอน้ำร้อนสำหรับตีฟองนม หัวสตีมของเครื่องชงกาแฟส่วนใหญ่จะมีก้านเดียว (Single Steam Wand) แต่บางรุ่นอาจมีก้านหลายก้าน (Multi Steam Wand) เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่ต้องการตีฟองนมได้หลายแก้วพร้อมกัน

เครื่องชงกาแฟในปัจจุบันสามารถชงกาแฟได้อุณหภูมิประมาณ 90 องศาขึ้นไป ซึ่งได้รสชาติที่เดียวติดต่อกลับกว่า Moka Pot  และมีรสชาติเข้มข้นกว่า

การทำงานของเครื่องชงกาแฟมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ คือ

  • ระบบ Heat Exchange : ราคาจะแพงกว่าระบบ Thermoblock โดยแบ่งออกเป็น
           Dual Boiler : มีหม้อต้มแยกสำหรับน้ำร้อนและน้ำสตีม ทำให้สามารถชงกาแฟและตีฟองนมได้พร้อมกัน
           Multi Boiler : มีหม้อต้มแยกสำหรับทำสตรีมหลายหม้อ ทำให้สามารถตีฟองนมได้หลายแก้วพร้อมกัน
  • ระบบ Thermoblock : ราคาจะถูกกว่าระบบ Heat Exchange มีหม้อต้มเดียวที่ทำหน้าที่ทั้งต้มน้ำร้อนและส่งน้ำร้อนไปยังหัวชงและหัวสตีม
    หลักการทำงานระบบ Thermoblock

Thermoblock

thermoblok

ระบบ Thermoblock ทำงานโดยการปั๊มน้ำอุณหภูมิห้องผ่านขดลวดทำความร้อนในตัว Thermoblock ทำให้น้ำร้อนขึ้นและส่งต่อไปยังหัวชงและหัวสตีมตามความดันที่กำหนด 

เมื่อต้องการใช้หัวชง อุณหภูมิของน้ำที่ผ่านไปยังหัวชงจะต้องไม่เกิน 90 องศา เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่ดี แต่หากต้องการใช้หัวสตีม อุณหภูมิของน้ำจะต้องสูงกว่า 100 องศา เพื่อให้น้ำกลายเป็นไอและสามารถตีฟองนมได้

ด้วยเหตุนี้ ในบางเครื่องชงระบบ Thermoblock อาจมีปุ่มสวิทช์สำหรับควบคุมอุณหภูมิของน้ำ โดยหากต้องการใช้หัวชง จะต้องกดปุ่มสวิทช์เพื่อลดอุณหภูมิของน้ำลง

สรุป

เครื่องชงกาแฟระบบ Thermoblock เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชงกาแฟในราคาประหยัด แต่หากต้องการชงกาแฟและตีฟองนมได้พร้อมกัน หรือต้องการตีฟองนมได้หลายแก้วพร้อมกัน ควรเลือกเครื่องชงกาแฟระบบ Heat Exchange

ระบบของเครื่องชงกาแฟ Dual Boiler (Heat Exchange)

Heat Exchange หลักการทำงานของเครื่องชงกาแฟ

ระบบ Heat Exchange 

ระบบ Heat Exchange เป็นระบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากในร้านกาแฟ เนื่องจากสามารถชงกาแฟและตีฟองนมได้พร้อมกันโดยไม่ทำให้รสชาติกาแฟเสียไป

ระบบ Heat Exchange ทำงานโดยใช้หม้อต้มน้ำ (Boiler) เพียงหม้อเดียว โดยภายในหม้อต้มจะมีคอยล์ทำความร้อน (Coil) อยู่ ซึ่งคอยล์ทำความร้อนนี้จะทำหน้าที่ต้มน้ำให้ร้อนตลอดเวลา

เมื่อต้องการใช้หัวชง น้ำร้อนจากหม้อต้มจะไหลผ่านกระบอก Heat Exchange ซึ่งกระบอก Heat Exchange นี้จะทำหน้าที่รักษาอุณหภูมิของน้ำให้คงที่อยู่ที่ประมาณ 90-94 องศาเซลเซียส

เมื่อต้องการใช้หัวสตีม น้ำร้อนจากหม้อต้มจะไหลผ่านท่อไปยังหัวสตีมโดยตรง

ข้อดีของระบบ Heat Exchange

สามารถชงกาแฟและตีฟองนมได้พร้อมกัน
อุณหภูมิของน้ำที่ไหลผ่านหัวชงคงที่อยู่ที่ประมาณ 90-94 องศาเซลเซียส ทำให้ได้รสชาติกาแฟที่ดี
ราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับระบบ Multi Boiler
ข้อเสียของระบบ Heat Exchange

หากใช้หัวชงนานๆ อุณหภูมิของน้ำที่ไหลผ่านหัวชงอาจลดลงได้

ระบบของ Multi Boiler (Heat Exchange)

หลักการทำงานของเครื่องชงกาแฟ multi heat exchange

ระบบ Multi Boiler

ระบบ Multi Boiler เป็นระบบที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกาแฟหลากหลายประเภท เนื่องจากสามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำในแต่ละหัวชงได้

ระบบ Multi Boiler ทำงานโดยใช้หม้อต้มน้ำ (Boiler) แยกสำหรับแต่ละหัวชง โดยหม้อต้มน้ำแต่ละหม้อจะมีคอยล์ทำความร้อน (Coil) อยู่ ซึ่งคอยล์ทำความร้อนนี้จะทำหน้าที่ต้มน้ำให้ร้อนตลอดเวลา

เมื่อต้องการใช้หัวชงใดๆ น้ำร้อนจากหม้อต้มน้ำที่สัมพันธ์กับหัวชงนั้นๆ จะไหลผ่านหัวชงโดยตรง

ข้อดีของระบบ Multi Boiler

สามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำในแต่ละหัวชงได้ ทำให้ได้รสชาติกาแฟที่หลากหลาย
เหมาะกับการทำกาแฟหลากหลายประเภท เช่น กาแฟดำ กาแฟลาเต้ กาแฟคาปูชิโน เป็นต้น
ข้อเสียของระบบ Multi Boiler

ราคาสูงกว่าระบบ Heat Exchange แบบ Dual boiler
มีขนาดและน้ำหนักมากกว่าระบบ Heat Exchange Dual boiler
สรุป

ระบบ Heat Exchange Dual boiler และระบบ Multi Boiler เป็นระบบเครื่องชงกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยระบบ Heat Exchange เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชงกาแฟและตีฟองนมได้พร้อมกันในราคาประหยัด ส่วนระบบ Multi Boiler เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกาแฟหลากหลายประเภท

ขั้นตอนการชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟ มีดังนี้

  1. เติมน้ำลงในถังพักน้ำ โดยใช้น้ำสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรก
  2. เปิดเครื่องชงกาแฟ เพื่อให้ปั๊มน้ำทำงานและทำให้น้ำร้อนขึ้น
  3. บดกาแฟ ให้ละเอียดเป็นพิเศษ โดยใช้เครื่องบดกาแฟหรือโม่กาแฟแบบมือ
  4. ใส่กาแฟบดลงในตัวกรอง (Portafilter)
  5. กดกาแฟบดให้แน่นเล็กน้อย แต่ไม่แน่นจนเกินไป
  6. ติดตั้งตัวกรองลงในหัวชง
  7. เปิดสวิตช์ชงกาแฟ น้ำร้อนจะไหลผ่านกาแฟบดและออกมาเป็นกาแฟเอสเปรสโซ
  8. เทกาแฟเอสเปรสโซใส่แก้ว กาแฟเอสเปรสโซสามารถดื่มเปล่า ๆ หรือนำไปทำเครื่องดื่มกาแฟประเภทต่าง ๆ เช่น ลาเต้ คาปูชิโน เป็นต้น

ปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติกาแฟ

รสชาติของกาแฟที่ชงจากเครื่องชงกาแฟนั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบแล้ว ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วย ดังนี้

  1. คุณภาพของน้ำ น้ำที่ใช้ชงกาแฟควรเป็นน้ำสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรก
  2. ปริมาณกาแฟบด ปริมาณกาแฟบดที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟเอสเปรสโซอยู่ที่ประมาณ 18-20 กรัม
  3. ความหนาแน่นของกาแฟบด ความหนาแน่นของกาแฟบดที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟเอสเปรสโซอยู่ที่ประมาณ 35-40 เปอร์เซ็นต์
  4. อุณหภูมิของน้ำ อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟเอสเปรสโซอยู่ที่ประมาณ 90-96 องศาเซลเซียส
  5. แรงดันน้ำ แรงดันน้ำที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟเอสเปรสโซอยู่ที่ประมาณ 9-10 บาร์
  6. ระยะเวลาในการสกัด ระยะเวลาในการสกัดที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟเอสเปรสโซอยู่ที่ประมาณ 25-30 วินาที
  7. ความสม่ำเสมอของการชง ควรชงกาแฟด้วยปริมาณและระยะเวลาที่เท่ากันทุกครั้ง เพื่อให้ได้รสชาติที่เสถียร

แหล่งที่มา www.wikipedia.org

ราคาของเครื่องชงกาแฟจะขึ้นอยู่กับความสามารถของเครื่อง ปัจจัยที่สามารถแยกได้ง่ายได้ด่ายคือ หัวชงยิ่งมากก็ยิ่งแพง แล้วก็ถังต้มยิ่งมากยิ่งแพง หากต้องการเหตุผลที่มากกว่านี้

Facebook
Twitter
Email